Tuesday, August 23, 2016

ตอนที่7 อานุภาพแห่งบุญ




              เมื่อข้าพเจ้าได้มาทำบุญที่วัดพระธรรมกายแคลิฟอร์เนียแล้ว อานุภาพแห่งบุญ ได้บังเกิดขึ้นแก่ข้าพเจ้าดังนี้
          ช่วยชีวิตข้าพเจ้าไว้ อย่างน้อย๒ครั้ง
                 . มีอยู่วันหนึ่ง ระหว่างทำงาน​​ขับรถส่งเอกสาร ที่จะส่งให้แก่บริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง เวลาประมาณ5.00a.m. ซึ่งข้าพเจ้าทำการส่งเอกสารให้แก่บริษัทแห่งนี้ เป็นประจำมาหลายปีแล้ว ทุกครั้งจะต้องกดระหัสก่อน จึงจะเปิดประตูทางเข้าได้ ซึ่งข้าพเจ้าจำได้อย่างแม่นยำอยู่แล้ว เพราะทำทุกวัน แต่ในวันนี้กลับแปลก เพราะจำระหัสไม่ได้ ข้าพเจ้านึกอยู่นานประมาณ10 นาที จึงมีพนักงานทำความสะอาดบริษัท มาเปิดประตูให้ เมื่อส่งเอกสารเสร็จได้ขับรถกลับทางเดิม เพื่อขึ้นfreewayและนำเอกสารไปส่งให้แก่ธนาคารต่อไป เมื่อมาขึ้นfreewayแล้ว ข้าพเจ้าใจหาย ขนลุก เพราะเห็นภาพรถชนกันจนพังไปแล้วหลายคันบน “freeway” เนื่องจากเป็นเส้นทางที่ข้าพเจ้าได้ข้บผ่านเป็นประจำทุกวัน ข้าพเจ้าจึงมีความรู้สึกและเข้าใจ ในขณะนั้นทันทีเลยว่าบุญได้บันดาลให้ข้าพเจ้าลืมระหัสที่จะเปิดประตู เพื่อเข้าส่งเอกสารในบริษัทประกันภัย ทั้งนี้พิจารณาจาก  การลืมระหัสที่เป็นไปไม่ได้ เพราะทำอยู่ทุกวันและหลายปีแล้ว ระยะเวลากับสถานที่เกิดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น(ขณะนั้นตำรวจยังไม่มา) ช่างพอเหมาะพอสมกันจริงๆ หากข้าพเจ้าไม่ลืมระหัสแล้วข้าพเจ้าคงตายหรือบาดเจ็บสาหัส เพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นดังกล่าว อย่างแน่นอน
               
                . มีอยู่คืนหนึ่ง เวลาประมาณ1.00am ในขณะที่ข้าพเจ้าขับรถเพื่อส่งเอกสารอยู่บน “freeway” นั้น ข้าพเจ้าได้หลับในโดยไม่รู้ตัว และขับไปเรื่อยๆ จนกระทั่งคล้ายจะมีอะไรก็ไม่รู้ ทำให้ข้าพเจ้าลืมตาขื้น ซึ่งขณะนั้นขับด้วยอัตราความเร็วมากๆ  เกือบจะชนรถที่ขับอยู่ข้างหน้า ข้าพเจ้าจึงเบรคเพื่อหักหลบ ปรากฏว่ารถหมุนติ้ว จนไม่สามารถบังคับอะไรรถได้เลย ในเวลาเดียวกันมีรถ “truck”ขนาดใหญ่ตามหลังมา(ข้าพเจ้ามาทราบภายหลัง)โดยไม่ทราบว่าวิ่งอยู่บนทางวิ่งเดียวกันกับข้าพเจ้าหรือไม่ ขณะที่รถของข้าพเจ้าหมุนติ้วนั้น ข้าพเจ้าคิดว่า ถ้าไม่ตายก็บาดเจ็บสาหัส จึงนึกถึงหลักวิชชา เป็นภาษาบาลีที่ว่าจิตเต อสงฺกิลิฏฺเฐ สุคติ ปาฏิกงฺขาแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า เมื่อจิตผ่องใสไม่เศร้าหมอง สุคติเป็นที่ไป ข้าพเจ้าจืงหลับตา รวมใจไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่๗ แล้วภาวนาสัมมาอรหังๆๆ จนกระรถถูกกระแทกอย่างแรง เมื่อรถหยุด ข้าพเจ้าจึงลืมตาขื้น ปรากฏว่ารถของข้าพเจ้าพังยับเยิน(TOTAL LOSS) แต่ร่างกายข้าพเจ้ากลับเป็นปกติ100%ไม่เป็นอะไรเลย ไม่เจ็บ ไม่ปวด ไม่มีรอยแผลใดๆทั้งสิ้น คนขับรถ “truck”ได้เดินแต่ไกลมาหาแล้วถามข้าพเจ้าว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ข้าพเจ้าตอบว่าสบายดี พร้อมกล่าวคำขอโทษ แล้วเดินไปดูสภาพรถ “truck” ปรากฏว่ารถข้าพเจ้ากระแทกกับล้อรถ​ “truck”เห็นเป็นรอยกระแทกที่ยางอย่างชัดเจน 
บุญช่วยรักษาชีวิตข้าเจ้าไว้ ด้วยการกระแทกกับยางด้านข้าง ไม่ใช่ส่วนที่เป็นโลหะหรือด้านหน้า รถไม่หมุนไปใต้ท้องรถ “truck”  ไม่กระแทกกับรถที่มีขนาดเดียวกัน ซึ่งตัวถังกับตัวถังกระแทกกัน หากเป็นการกระแทกในกรณีอื่นๆไม่กระแทกกับล้อรถ “truck”ที่ใหญ่และเป็นยางแล้ว หากข้าพเจ้าไม่ตายก็คงบาดเจ็บสาหัสหรือพิการไปแล้ว นับได้ว่าบุญได้ช่วยปกป้อง คุ้มครองและรักษาข้าพเจ้าและครอบครัวจริงๆ 
            หากข้าพเจ้าเป็นอะไรลงไป ใครจะเป็นผู้หารายได้ มาเป็นค่าใช้จ่ายในบัาน เนึ่องจากลูกข้าพเจ้าทั้ง๒คน ยังอยู่ในวัยที่กำลังเจริญเติบโตและอยู่ในวัยเรียน แม่บ้านต้องคอย กำกับ ดูแล จัดการ ในเรื่องอาหาร  การเรียน ที่พักอาศัย นิสสัยที่ดี เป็นต้น อย่างเอาใจใส่และใกล้ชิดกับบุตรทั้ง๒คน ข้าพเจ้าจึงต้องทำงาน หารายได้เข้าบ้าน ในขณะนั้น แต่เพียงผู้เดียว หากไม่ได้อานุภาพแห่งบุญมาช่วยปกป้อง คุ้มครอง  และ รักษาแล้วไซร้ ข้าพเจ้าและครอบครัวคงไม่มีความสุข ความเจริญ ดั่งเช่นทุกวันนี้



         ช่วยให้การทำมาหาเลี้ยงชีพ เป็นไปด้วยความสะดวก เรียบร้อย ราบรื่น ช่วยแก้ไขปัญหาและอุปสรรค ที่เกิดขึ้นในระหว่างการทำงานได้อย่างดียิ่ง

             .  ในวันนั้นเป็นวันหยุดราชการของอเมริกา ไม่มีใครทำงาน แต่ข้าพเจ้าเห็นว่า ทำให้มีรายได้เข้าสู่ครอบครัวมากขึ้น จึงอาสาบริษัททำงานในวันหยุดนั้น เวลาประมาณ10.00a.m. ข้าพเจ้าได้ไปส่งเอกสาร สำนักงานแห่งหนึ่ง มีที่จอดรถกว้างขวางมาก  เมึ่อข้าพเจ้ามาถึง ยังไม่มีใครมาจอดรถเลย เมื่อข้าพเจ้าจอดรถแล้ว เดินขึ้นไปส่งเอกสาร เมื่อเดินกลับลงมาขึ้นรถ ปรากฏว่า “start”รถไม่ติด ขณะนั้นยังไม่มีมือถือ เบอร์ช่างซ่อมก็ไม่มี  เป็นวันหยุดจะติดต่อกับใคร และแล้วเรื่องที่เหลือเชี่อก็เกิดขึ้น กล่าวคือเมื่อข้าพเจ้า “start”รถไม่ติด กำลังมืดแปดด้านอยู่นั้น ไม่เกิน๕นาที มีคนอเมริกันผิวขาว ได้ขับรถมาจอด โดยจอดติดกับรถที่ข้าเจ้าจอดอยู่ เมื่อท่านผู้นั้นลงมาจากรถแล้ว คงเห็นข้าพเจ้ากำลังเครียดอยู่ จึงถามข้าพเจ้าว่าเป็นอะไรหรือ ข้าพเจ้าก็บอกว่ารถ “start”ไม่ติด กลับบ้านไม่ได้ ท่านผู้นั้นจึงช่วยดูเครื่องและช่วยช่อมให้ 
เมื่อรถ “start”ติดแล้ว ข้าพเจ้าได้กล่าวขอบคุณ ท่านผู้นั้นได้กล่าวกำชับอีกด้วยว่า ระหว่างเดินทางกลับบ้านอย่าดับเครื่อง ที่ว่าเหลือเชื่อก็เพราะว่า  
                 .. วันนั้นเป็นวันหยุด มีท่านผู้นั้นกับข้าพเจ้าเท่านั้นที่มา ในเวลาที่พอเหมาะ พอสม พอดี
                 .. ที่จอดรถกว้างขวาง มีที่ว่างมาก สามารถจอดได้หลายร้อยคัน ท่านผู้นั้นกลับมาจอดรถติดกับรถของข้าพเจ้า   
                 .. ท่านผู้นั้นมีความรู้ทางช่างเครื่องรถยนตร์ และมีเครื่องมือซ่อม จึงช่วยเหลือข้าพเจ้าได้
                 .. ท่านผู้นั้นมีจิตเมตตาและกรุณา จึงได้ช่วยเหลือโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น หากเรืยกค่าซ่อม คงแพง และข้าพเจ้าพกเงินติดตัวมาไม่มาก การซ่อมเครื่องให้รถติด จะเป็นไปได้ยากมาก
             .  ในการประกอบอาชีพขับรถส่งเอกสารนั้น ปกติข้าพเจ้าจะเลือกขับในเวลากลางคืน เพราะรถไม่ติด ไม่ต้องใช้ภาษาอังกฤษมาก แต่มีปัญหาบางประการคือ
                 ..  เมื่อมีคำว่า “detour”บน “freeway” ข้าพเจัาจำเป็นต้องขับรถ ไปตามเส้นทางที่ทางการกำหนดขึ้น ซึ่งในช่วงเวลานั้นย้งไม่มี “GPS” ข้าพเจ้ามักจะหลงทางเมื่อขับรถออกจาก “freeway”        
ขับในถนนพื้นที่ด้านล่าง ซึ่งบางพื้นที่จะต้องข้บตามที่ทางการกำหนดเช่นกัน ทำให้หลงทางและไม่สามารถไปส่งเอกสาร ตามสถานที่กำหนดได้ ดังนั้นข้าพเจ้าจึงแวะปั๊มนำ้มัน เพื่อถามเส้นทางจากผู้เติมนำ้มัน ปรากฏว่าแทบทุกคนบอกว่า​ “follow me” ทำให้ข้าพเจ้าไปส่งเอกสารได้ทันเวลา ตามสถานที่กำหนด นี่คืออานุภาพแห่งบุญ
                ..  เมื่อมีคำว่า “lane close” บนทางออก “freeway” เนื่องจากจากข้าพเริ่มทำงานใหม่ได้ไม่นาน และเป็นครั้งแรกที่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ดังนั้นหากข้าพเจ้าไม่ขับรถออกตรงเส้นทางนี้ ข้าพเจ้าเจ้าคงไปส่งเอกสารตามสถานที่ ที่กำหนดไม่ได้ หากผิดพลาดอาจตกงาน ยอมเสียค่าปรับ แล้วสอบถามเส้นทางจากเจ้าหน้าที่ตำรวจดีกว่า เมื่อข้าพเจ้าขับรถเข้าไปในทางออก ที่ทางการกำหนดห้าม ผลปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขับรถ เปิดสัญญาณไฟแดงกระพริบเสียงดัง ไล่ตามหลังรถข้าพเจ้ามา ข้าพเจ้าจึงรีบขับรถชิดขวาแล้วจอดรอ เมื่อตำรวจลงจากรถ เดินลงมาหาข้าพเจ้าด้วยสืหน้าที่โกรธมาก พร้อมกับถามว่าไม่เห็นป้ายที่เขียนปิดทางออกหรือ?”ข้าพเจ้าตอบว่าเห็น เนื่องจากข้าพเจ้าทำงานส่งเอกสาร และมาที่นี่ไม่นาน หากไม่ออกทางออกนี้แล้วข้าพเจ้าจะหลงทาง ไม่สามารถส่งเอกสารได้เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงมีสีหน้าดีขึ้น พร้อมกับพูดว่ารู้ไหมค่าปรับ 340 $ ครั้งนี้ทำผิดครั้งแรก จึงตักเตือนก่อน คราวต่อไปห้ามทำผิดอีกปกติเมื่อมีการกระทำผิดกฎหมาย ตำรวจมักจะขอดูใบขับขี่ ทะเบียนรถ และเอกสารใบประกันภัยรถ แล้วก็เขียนตั๋วให้ ผิดถูก ไปว่ากันที่ศาลตามวัน เวลา ที่กำหนดไว้ในตั๋วนั้น ซึ่งจะเสียเวลามาก บริษัทประกันภัย ก็จะขึ้นค่าเบี้ยประกันเพิ่มขึ้น ครั้งนี้ นอกจากตำรวจจะไม่ออกตั๋ว เพื่อไปเสียค่าปรับที่ศาลแล้ว ยังอธิบายถึงเส้นทางที่จะไปส่งเอกสารยังสถานที่กำหนด อีกด้วย นี่คืออนุภาพแห่งบุญ
            .  ปัญหาถูกตำรวจเรียกหยุด เมื่อทำผิดกฎหมาย  
                   ก่อนที่ท่านจะอ่านเรื่องอานุภาพแห่งบุญต่อไปนั้น โปรดทำความเข้าใจก่อนว่า ข้าพเจ้าไม่เคยคิดจะทำผิดกฎหมายเลย และในการทำความผิดกฎหมายนั้น ก็ไม่ใช่เป็นการทำผิดกฎแห่งกรรม             
              .. ก่อนเข้ามาทำบุญ ที่วัดพระธรรมกายแคลิฟอร์เนีย ครั้งหนึ่ง ข้าพเจ้าได้ทำผิดกฎหมายโดยประมาท กล่าวคือเมื่อข้าพเจ้าขับรถเข้ามาเติมนำ้มัน ที่ปั๊มนำ้มนแห่งหนึ่ง เมื่อเติมนำ้มันเสร็จแล้ว ข้าพเจ้าจะไปส่งเอกสาร ที่บริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับปั๊มนำ้มัน เพาะเห็นว่าสถานที่ ที่จะไปส่งเอกสารนั้น อยู่ใกล้มาก จึงไม่ได้คาดเข็มขัด เมื่อถึงบริษัทแล้ว ปรากฏว่ามีรถตำรวจตามมาและจอดตรงท้ายรถที่ข้าพเจ้าจอดอยู่ แล้วเดินมาหาข้าพเจ้าพร้อมขอตรวจดู ใบขับขี่ ทะเบียนรถ และหนังสือประกันภัยรถ ซึ่งข้าพเจ้ามีครบถ้วน ต่อมาภายหลังตำรวจได้จ่ายตั๋วค่าปรับ170$ ในข้อหาไม่คาดเข็มขัด โดยไม่ฟังคำชี้แจงใดๆทั้งสิ้น 
             .. เมี่อข้าพเจ้าได้เข้ามาร่วมสร้างบุญสร้างบารมี ที่วัดพระธรรมกายแคลิฟอร์เนียแล้ว แม้กระทำผิดกฎหมายแต่ไม่ผิดกฎแห่งกรรม อานุภาพแห่งบุญ ยังคงติดตามปกป้อง คุ้มครอง รักษา อยู่ดี เช่น
                 .ในวันหนึ่ง เวลาประมาณ๑๗.๓๐น ข้าพเจ้าพร้อมแม่บ้านได้ขับรถอยู่บนfreeway  มีอยู่ช่วงหนึ่งที่รถติดมากจึงคิดว่า  บุตรทั้ง๒คนแม้โตแล้ว เมื่อกลับมาจากโรงเรียนถึงบ้าน คงหิว เราไม่ควรกลับถึงบ้านช้าจนมืด คำ่ ดังนั้นข้าพเจ้าจึงสังเกตุทั้งด้านหน้า ด้านหลัง ด้านข้าง รอบบริเวณ เพื่อดูว่ามีตำรวจอยู่บริเวณแถวนั้นหรือไม่ เมื่อไม่เห็นตำรวจและเห็นว่าปลอดภัย ข้าพเจ้าจึงขับรถเข้า “carpool”ผ่านเส้นทึบสีเหลือง ซึ่งผิดกฏหมาย เพราะตามกฎหมายแล้ว หากจะขับเข้า “carpool”ต้องขับผ่านเส้นประสีขาว เมื่อข้าพเจ้าขับเข้า “carpool”แล้ว ข้าพเจ้าจึงมองกระจก เห็นด้านหลังระยะห่างพอสมควร มีรถตำรวจวิ่งตามไล่มา ข้าพเจ้ารีบวางใจไว้กลางท้อง ภาวนาสัมมาอรหังแม่บ้านก็พนมมือ บอกให้หลวงปู่ช่วยด้วย เวลาผ่านไปไม่นาน และแล้วเรื่องเหลือเชื่อก็เกิดขึ้น กล่าวคือตำรวจได้ขับรถออกจาก “freeway” โดยมิได้เปิดสัญญาณไฟแดงกระพริบให้มีเสียงดัง เพื่อให้ข้าพเจ้าออกจาก “freeway” แล้วจ่ายตั๋ว เพื่อให้ข้าพเจ้าไปเสียค่าปรับ แต่ประการใด
               .ในคืนวันหนี่ง ขณะที่ข้าพเจ้าขับรถ ใกล้จะถึง สถานที่ส่งเอกสารอยู่นั้น มีรถตำรวจ๒คัน เปิดสัญญาณไฟแดงกระพริบเสียงดัง ไล่ตามมา ข้าพเจ้าจึงจอดรถชิดขวาด้านข้าง ตำรวจคันแรกเมื่อเดินมาถึง 
ข้าพเจ้าไม่ได้พูดอะไร เพราะสายตาจ้องอยู่ที่เหรียญหลวงปู่วัดปากนำ้ รุ่นปราบมาร แสตนเลส ที่ข้าพเจ้าแขวนไว้หน้ารถ สักครู่ตำรวจจีงถามข้าพเจ้าว่าคุณมาจากไหนข้าพเจ้าตอบว่ามาจากเมืองไทยตำรวจได้พูดอะไรกับข้าพเจ้าบ้าง ข้าพเจ้าจำไม่ได้ จำได้แต่เพียงว่า มีการโบกมือจากตำรวจคันแรก เป็นสัญญาณให้ตำรวจคันหลังทราบว่า ไม่มีอะไร ให้กลับได้ ตำรวจทั้ง๒คันได้ขับรถออกไป โดยมิได้ขอดูใบขับขี่หรือเอกสารอื่นกับข้าพเจ้าแต่ประการใด
              .วันนั้น เป็นวันเสาร์(อาทิตย์ต้นเดือน เมืองไทย) มีการบูชาข้าวพระ ที่วัดพระธรรมกายแคลิฟอร์เนีย ข้าพเจ้าเจ้าพร้อมครอบครัว จึงพากันมาร่วมบูญใหญ่ในวันนี้ เนื่องจากออกจากบ้านสาย เกรงว่าจะมาร่วมบุญบูชาข้าวพระไม่ทัน ตลอดทางบางครั้งจึงขับรถในอัตราความเร็วสูงโดยไม่รู้ตัว เกินอัตราความเร็วที่กฏหมายกำหนด มีระยะทางช่วงหนึ่ง บนFWY605มีสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว ตะโกนบอกข้าพเจ้าว่าพ่อ ขับช้าๆหน่อย ตำรวจขับไล่ตามมาแล้วข้าพเจ้ายังไม่ทันชลอความเร็วลง ตำรวจที่ขับมอเตอร์ไซค์มา ก็มาถึงข้าพเจ้า พร้อมโบกมือให้ข้าพเจ้าชลอความเร็วลง เมื่อตำรวจท่านนั้น เห็นข้าพเจ้าชลอความเร็วลงแล้ว ก็ขับรถผ่านคันของข้าพเจ้าไป โดยไม่ได้สั่งให้ข้าพเจ้าจอดรถชิดขวาด้านข้าง แล้วจ่ายตั๋วเพื่อให้ข้าพเจ้าไปชำระค่าปรับตามตั๋วแต่ประการใด
            จากข้อ๑ ข้อ๒ และข้อ๓ พอสรุปได้อย่างชัดเจนแล้วว่า 
             ในข้อ๒.. หากไม่มีบุญ แม้ทำความความผิดกฏหมายเพียงเล็กน้อย ก็ต้อง เสียเงิน เสียเวลา เสียประวัติ ทำให้บริษัทประกันคิดเบี้ยประกันเพิ่มขึ้น     
             ในข้อ๑ข้อ๒. ข้อ๒.๒และข้อ๒.. เมื่อมีบุญแล้ว บุญจะช่วยปกป้อง คุ้มครอง รักษา ทั้งชีวิต ร่างกายและทรัพย์สินได้อย่างดี อย่างไรก็ตามเราต้องเคารพกฏหมายและเชื่อเรื่องกฏแห่งกรรม





  ในตอนต่อไปอาจมี เรื่องบุญช่วยให้มีอาชีพพิเศษในอเมริกา เรื่องทำบุญโดยไม่รู้ตัว  เรื่องบุญ-บาป นรก-สวรค์มีจริงหรือไม่ มีเหตุผลอย่างไร เป็นต้น ทั้งนี้ต้องขอเว้นวรรคการเขียนสักระยะหนึ่งก่อน ขอขอบคุณที่ตามอ่าน

Thursday, August 18, 2016

ตอนที่6  “บุญอยู่เบื้องหลังความสุขและความสำเร็จ จริงหรือ?


  


                         จาก พุทธศาสนสุภาษิต เป็นภาษาบาลี ที่กล่าวไว้ว่าสุโข ปญฺญสฺส อุจฺจโยแปลเป็นภาษาไทยได้ว่าการสั่งสมบุญ นำสุขมาให้ในทางพุทธศาสนาพอสรุปได้ว่าบุญคือผลที่ได้รับจากการ กระทำคุณงามความดี  เป็นผู้นำความสุขกาย สบายใจ และความสำเร็จในชีวิตมาให้ ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า วิธีที่ทำให้บุคคลสั่งสมบุญไว้ได้นั้น มี๓ประการคือ
                  . การทำทานคือ การให้ในสิ่งที่ควรให้และเป็นประโยชน์ ผลที่ได้รับคือ มีโภคทรัพย์สมบัติ ช่วยขจัดความโลภ
                  . การรักษาศีลคือ การไม่ทำความชั่วทั้งปวง ผลที่ได้รับคือ มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยหรือเป็นไข้ ผิวพรรณ วรรณะ ผ่องใส ช่วยขจัดความโกรธ
                  . การเจริญสมาธิ ภาวนา คือ การกลั่นใจให้ผ่องใส สะอาด บริสุทธิ์ ผลที่ได้รับคือ มีสติปัญญาเฉลียว ฉลาด รู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของผู้อื่น ช่วยขจัดความหลง




             
          บุคคลใดเมื่อทำบุญแล้ว บุญจะมากหรือน้อย แล้วแต่องค์ประกอบของการทำบุญนั้น เช่นในการทำทาน เวลาก่อนทำ ขณะทำ มีความปลาบปลื้ม ปิติยินดีในบุญที่ทำหรือไม่เพียงใด เมื่อทำไปแล้ว ตามตรึกระลึกนึกถึงบุญที่ทำไปแล้วบ้างหรือไม่ เพียงใด เมื่อตามตรึกระลึกถึงแล้ว มีความปลาบปลื้มมากน้อยเพียงใด นอกจากนี้ ๑วัตถุที่ทำ ๒บุคคลทั้งผู้รับและผู้ให้ ๓เจตนาที่ทำ ทั้ง๓ประการมีความบริสุทธิ์มากหรือน้อยเพียงใด การส่งผลของบุญจะช้าหรือเร็วก็คงเป็นไปในลักษณะเช่นนี้เหมือนกัน
                  
                       “บุญได้นำความสุขและความสำเร็จในชีวิต มาสู่ข้าพเจ้าและครอบครัวของข้าพเจ้า ภายหลังที่ได้เข้ามาทำบุญ และประพฤติปฏิบัติธรรมที่วัดพระธรรมกายแคลิฟอร์เนีย มีหลายประการ คือ
                  . ก่อนเข้าวัดนี้ ข้าพเจ้าเป็นผู้มีมิจฉาทิฐิมาก่อน เช่น
                        .หากมีใครที่คุ้นเคย มาขอเงินไปซื้อเบียร์ เหล้า เพื่อจัดเลี้ยง ในงานวันเกิด วันแต่งงาน วันขึ้นปีใหม่ เพื่อมิตรภาพ ข้าพเจ้าจัดให้อย่างแน่นอน
                        .ขณะที่ลูกข้าพเจ้ายังเล็กอยู่ เพื่อเป็นการฝึกสมองประลองปัญญา ดีกว่าอยู่เปล่าๆ ไม่มีอะไรทำ ทั้งครอบครัวจึงตั้งวงเล่นไพ่รัมมี่ซึ่งเดิม ลูกข้าพเจ้าไม่เคยเล่นมาก่อน และเล่นไม่เป็น ข้าพเจ้าในฐานะหัวหน้าครอบครัวจึงสอนให้  และก็ร่วมเล่นด้วยกัน พ่อ แม่ ลูก 
                        .เมื่อพบศาลพระภูมิ ศาลพระพรหม ต้นไม้ศักสิทธิ์ ฯลฯข้าพเจ้าจะต้องยกมือไหว้ขอพรต่างๆ แต่เห็นพระภิกษุแล้ว กลับรู้สึกเฉยๆเหมือนเห็นคนธรรมดาทั่วไป เป็นต้น
                     ภายหลังที่เข้ามาปฏิบัติธรรม ที่วัดนี้แล้วจึงได้เรียนรู้วิชชาชีวิตจึงทราบว่า สุรา การพนัน เป็นอบายมุขคือปากทางนำไปสู่อบาย หากลงไปสู่อบายแล้ว จะทุกข์ ทรมานอย่างแสนสาหัส โอกาสที่จะกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก ยากมากๆ  พระรัตนตรัยเป็นทั้งที่พึ่งที่และที่ระลึกอันสูงสุด สิ่งอื่นที่จะเป็นที่พึ่งที่ระลึกย่ิงกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว พระสงฆ์เป็นเนื้อนาบุญของโลก เป็นส่วนหนึ่งของพระรัตนตรัย พระสงฆ์เป็นผู้ต่ออายุพระพุทธศาสนา ทั้งยังเป็นผู้รักษาและเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอน ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจนมาถึงพวกเราทุกวันนี้ หากไม่มีพระสงฆ์และไม่ได้เข้าประพฤติปฏิบัติธรรมที่วัดนี้แล้ว ข้าเจ้ายังไม่ทราบเลยว่า  ทั้งครอบครัว จะตกลงสู่อบายหรือไม่ ข้าพเจ้าและครอบครัวจึงมีสัมมาทิฐินับตั้งแต่ได้เข้าประพฤติปฏิบัติธรรมที่วัดนี้ เป็นต้นมา
                 . เพราะการที่ข้าพเจ้าและครอบครัวมี​ “สัมมาทิฐิและได้ร่วมสร้างบุญสร้างบารมีกับหมู่คณะ ที่วัดนี้อย่างยิ่งยวด ต่อเนื่องมาโดยตลอด มีรายละเอียด ดังที่ได้กล่าวไว้แล้วในตอนที่๕   ข้าพเจ้าจึงมีความมั่นใจว่าหากละจากกายมนุษย์ในชาตินี้แล้ว ย่อมเกิดใหม่ด้วยทิพยกาย
อย่างแน่นอน  แต่จะไปเวียนประทักษิณรอบมหาธรรมกายเจดีย์ แล้วกลับสู่ดุสิตบุรี วงบุญพิเศษหรือไม่ ข้าพเจ้าไม่อาจคาดเดาได้ ข้าพเจ้าและทุกคนในครอบครัวเมื่อละสังขารแล้ว ต้องได้ไปสู่สุคติ มีควาสุขในสัมปริยาภพอย่างแน่นอน
                 . การดำรงชีวิตอยู่ของข้าพเจ้าและครอบครัว ในชาตินี้ ทุกคนต่างมีความสุข ประสบความสำเร็จในชีวิต ทั้งหน้าที่การงานของพ่อ แม่ 
และการศึกษาเล่าเรียนของบุตร๒คน ทั้งทางโลกและทางธรรม เพราะมีศีลและทิฐิ เสมอกัน มีรายละเอียด ดังทีได้กล่าวไว้แล้วในตอนที่๑
                 . ทุกคนในครอบครัว จากผู้ไม่มีความรู้ในวิชชาชีวิตมาก่อน มาได้รับรู้วิชชาชีวิต จนสามารถสอบ “OPEC”ได้ที่๓ ในหัวข้อครอบครัวอบอุ่นภาคภาษาไทย จากการสอบแข่งขันทุกสาขาวัดพระธรรมกายทั่วโลก  
ในปีสุดท้ายที่มีการสอบคือปี๒๕๕๓ ทำให้มีหลักการในการดำเนินชีวิตและ
ไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต ครอบครัวจึงอบอุ่นและมีความสุขตลอดมา

            สำหรับ อานุภาพของบุญที่ข้าพเจ้าประสบพบจนเหลือเชื่อแต่ก็เป็นความจริง”  มีหลายเรื่องแต่จะเป็นประการใดนั้น โปรดติดตามตอนที่๗ต่อไป

Tuesday, August 16, 2016

ตอนที่ 5.การมาสร้าง “บุญ” สร้าง”บารมี”ที่ “วัดพระธรรมกายแคลิฟอร์เนีย”ประเทศสหรัฐอเมริกา

  
                ประมาณปีพุทธศักราช๒๕๓๗ ข้าพเจ้าได้เดินทางมาประกอบอาชีพที่ ประเทศสหรัฐอเมริกาพร้อมผู้รู้ใจ โดยข้าพเจ้าประกอบอาชีพรับ-ส่งเอกสารของธนาคารและบริษัทประกันภัย ผู้รู้ใจประกอบอาชีพรับ-จ่ายเงินที่ตลาดบางรัก เมือง  “ pomona”  ได้มาพักอาศัยอยู่กับน้องสาวและน้องเขยที่ชวนมาอยู่ด้วย ในห้องส่วนตัวที่เขาจัดให้ต่างหากและไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น เป็นเวลา๑ปี 

ทั้งนี้ ตามข้อตกลงที่ได้ตกลงกันไว้ก่อนแล้วที่เมืองไทย ประกอบกับข้าพเจ้าเคยเดินทางมาเที่ยวที่ประเทศนี้หลายครั้ง จึงชอบมากเป็นพิเศษ  ในระหว่าง๑ปีดังกล่าวนั้น 

ข้าพเจ้าและผู้รู้ใจมีหน้าที่ “make money” สะสมไว้ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในยามที่บุตร๒คนของข้าพเจ้ามาศึกษาและหรืออาจใช้ชีวิตในประเทศนี้ สำหรับบุตรของข้าพเจ้า๒คนที่อยู่เมืองไทยและยังไม่ได้มานั้น ได้ให้พี่สาวของผู้รู้ใจปกครอง อบรม ดูแล แทน เมื่อข้าพเจ้าและผู้รู้ใจอยู่ครบ๑ปีแล้ว จึงร่วมกันพิจารณาตัดสินใจเห็นสมควร นำบุตรทั้ง๒คนมาศึกษาและหรืออาจใช้ชีวิต ในประเทศนี้  เมื่อครบ๑ปีตามกำหนด น้องสาวที่ข้าพเจ้าอาศัยพักอยู่ด้วย ได้บินไปรับบุตรทั้ง๒คนของข้าพเจ้า เพื่อมาอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ต่อไป  



            เมื่อบุตรข้าพเจ้าทั้ง๒คนมาถึงประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว สิ่งแรกที่ต้องทำคือหาบ้านเช่า ในที่สุดได้บ้านเช่าที่เมือง“bellflower”เป็นบ้าน
หลังเล็กๆ ข้าพเจ้าและครอบครัวจึงย้ายมาอยู่ที่บ้านเช่าดังกล่าว สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือหาโรงเรียนให้บุตรทั้ง๒คนได้เล่าเรียนต่อไป ทุกเรื่องสำเร็จ เรียบร้อยไปด้วยดี เพราะมีน้องชายอีกคนคอยแนะนำช่วยเหลือ 

           เมื่อข้าพเจ้าและครอบครัวใช้ชีวิตในที่อยู่แห่งใหม่ได้ประมาณ๓เดือน น้องชายคนนี้ ก็ได้พาข้าพเจ้าและครอบครัวไปบูชาข้าวพระ๑ครั้ง ที่วัดพุทธเมย์วูด และอีกไม่นานประมาณปี๒๕๓๙ทางวัดก็ได้ย้ายมาอยู่ที่เมือง “AZUSA”ตั้งชื่อวัดใหม่ว่าวัดพระธรรมกายแคลิฟอร์เนียซึ่งเป็นวัดแห่งแรกในโลกที่อยู่ต่างประเทศ โดยสังกัดวัดพระธรรมกายประเทศไทยข้าพเจ้าและครอบครัวจึงได้มาศึกษาวิชชาชีวิตและเริ่มสร้างบุญ สร้างบารมีที่นี่อย่างจริงจัง 



            พอสรุปการสร้างบุญ สร้างบารมี เฉพาะบุญใหญ่ๆสำคัญๆได้ดังนี้

                      บุญบวชฉลองมหาธรรมกายเจดีย์ครั้งแรก มาพร้อมครอบครัว ที่เมืองไทย
                            
                     บุญบวชในงานสลายร่างคุณยายอาจารย์ มาพร้อมครอบครัว ที่เมืองไทย

                      บุญบวชบูชาธรรมเนื่องในโอกาสที่พระเดชพระคุณหลวงพ่ออายุครบ๖๐ปี มาพร้อมครอบครัวที่เมืองไทย
                      สร้างพระธรรมกายประจำตัวที่มหาธรรมกายเจดีย์ ประ มาณ ๔๐ องค์ 
                      สร้างแผ่นลานธรรม(โป้งประวัติศาสตร์ )ไม่น้อย
กว่า๒๐แผ่น                     
                      ในวันคล้ายวันเกิดพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ได้เดินทางมาเมืองไทยพร้อมครอบครัว เพื่อมาร่วมบุญต่างๆและถวายภัตตาหารเป็นสังฆทานแด่พระภิกษุสามหมื่นวัดทั่วประเทศ  หลายครั้ง          
                      เป็นประธานรอง ฉลองมหาธรรมกายเจดีย์ ครั้งที่๑
                        สร้างเสาวิหารคด
                        สร้างวิหารหลวงปู่  
                      ๑๐สร้างอาคารทำวิชชาอายุครบ๖๐ปีพระเดชพระคุณหลวงพ่อ
                      ๑๑สร้างอาคาร๑๐๐ปีคุณยายอาจารย์ฯ
                      ๑๒เป็นประธานรองกฐินวัดพระธรรมกายแคลิฟอร์เนีย  ตั้งแต่ปี๒๕๔๐จนถึงปี๒๕๕๒ ในปี๒๕๕๓จนถึงปัจจุบันได้สร้างบุญด้วย  การบวชเป็นพระ  เป็นต้น


           สุดท้ายนี้ ขอเอาบุญที่ได้ทำมาแล้วทุกบุญ มาฝากท่านผู้อ่านทุกท่าน สำหรับอานุภาพบุญที่เกิคขึ้น มีหลายเรื่องนั้น จะนำมาเล่าในตอนต่อไป

Monday, August 15, 2016

 4."บุญ"  ที่ทำมาในชาติปางก่อนส่งผลในชาตินี้        

         
           
         ในอาชีพหลักของข้าพเจ้าคือรับราชการ ข้าพเจ้าจะขอเล่าเพียงเรื่องเดียวเกี่ยวกับ"บุญ"ว่า"ทำไมข้าพเจ้าจึงประสบความสำเร็จได้รับระดับ๗ในยุคนั้นเพียงอายุ๔๒ปื"  กล่าวคือเมื่อข้าพเจ้าสอบระดับ๖ได้แล้ว แต่ไม่แน่ใจว่าจะได้รับการแต่งตั้งหรือไม่ เพราะมีคู่แข่งอยู่ท่านหนึ่งที่ข้าพเจ้าให้ความเห็นชอบ ในการรับโอนเข้ามารับรับราชการ ในส่วนราชการที่ข้าพเจ้าสังกัดอยู่และเป็นงานที่ข้าพเจ้าดูแลรับผิดชอบ หากข้าพเจ้าไม่ให้ความเห็นชอบ ท่านผู้นี้ก็จะไม่สามารถโอนเข้ามารับราชการในหน่วยงานของข้าพเจ้าได้เลย ข้าพเจ้าได้สอนงานและความรู้ทุกอย่างให้  ข้าพเจ้าจึงอยู่ในฐานะหัวหน้างาน ข้าพเจ้าควรได้รับการแต่งตั้งในระดับ๖ แต่เนื่องจากข้าพเจ้าไม่ค่อยเข้าหาผู้ใหญ่ เหมือนกับอีกท่านหนึ่ง ท่านเลขานุการกรม ท่านรองอธิบดี จึงเห็นสมควรจะแต่งตั้งท่านผุ้นี้ให้ขึ้นระดับ๖ ในเดือนตุลาคม สำหรับท่านอธิบดีขณะนั้น หากไม่ถูกย้ายไปรับราชการ ในส่วนราชการอื่นในเดือนตุลาคม ก็คงเห็นชอบตามที่ท่านเขานุการกรมและท่านรองอธิบดีเสนอ ตามหลักรัฐศาสตร์ แต่"บุญ"มีจริง จึงมีการสับเปลี่ยนโยกย้ายอธิบดีระหว่างส่วนราชการ ในเดือนตุลาคม ท่านอธิบดีผู้มาใหม่ เคยเป็นรองอธิบดืในส่วนราชการที่ข้าพเจ้าสังกัดอยู่มาก่อนและจำข้าพเจ้าได้ แต่ไม่รู้จักท่านผู้ถูกเสนอชื่อแต่งตั้งในระดับ๖แต่ประการใด  ข้าพเจ้าจึงได้รับการแต่งตั้งในระดับ๖แทนในเดือนตุลาคม ตามหลักนิติศาสตร์ เรื่องนี้เป็นความลับมาก ข้าพเจ้าทราบเรื่องนี้ โดยท่านอธิบดีเล่าให้ฟังและยอมรับว่า"ตกใจ"มากเพราะ คาดไม่ถึงว่าคนที่ข้าพเจ้าปั้นมากับมือ รักกันเหมือนพี่กับน้อง จะทำกับข้าพเจ้าเช่นนี้ได้    








            

           ท่านผู้ผิดหวังจึงขอโอนไปรับราชการในส่วนราชการอื่น ในระดับ๕เหมือนเดิม ข้าพเจ้าจึงขอคนจากก.พ.มาลงในตำแหน่งที่ว่างแทน ซึ่งเป็นสตรีสอบก.พ.ได้ที่๓ ความรู้ดี นิสัยดี เนื่องจากเป็นข้าราชการบรรจุใหม่ จึงบรรจุในระดับ๓ ประมาณ๑ปีต่อมาข้าพเจ้าได้รับการคัดเลือกให้ไปเป็นหัวหน้าฝ่ายอีกหน่วยงานหนึ่งในระดับ๖เหมือนเดิม ที่ตำแหน่งว่างลง ข้าพเจ้าจึงขอโอนเพื่อนของข้าพเจ้าจากส่วนราชการอื่น มาดำรงตำแหน่งแทนข้าพเจ้า หากท่านผู้อยู่เดิมนั้นไม่โอนไปก็คงได้ระดับ๖แทนข้าพเจ้าอย่างแน่นอน  ข้าพเจ้าทราบภายหลังโดยมีคนมาบอกข้าพเจ้าว่า ท่านผู้นั้นทราบข่าวและนึกเสียดาย อีกประมาณ๒ปีต่อมา ข้าพเจ้าเจ้าได้รับการแต่งตั้งเป็นฃ้าราชการในระดับ๗  อย่างไรก็ดี เมื่อข้าพเจ้ารับราชการ ในระดับ๗ได้๓ปี จึงขอลาออกจากราชการมาอยู่อเมริกา หากท่านผู้นั้นยังไม่โอนไป ก็มีสิทธิ์ถูกคัดเลือก มาดำรงตำแหน่งข้าราชการระดับ๗แทนข้าพเจ้า สำหรับข้าราชการที่ข้าพเจ้าขอมาจากก.พ. เมื่อรับราชการ๒ปีได้ระดับ๔ ก็ไปสอบบรรจุเป็นข้าราชการตุลาการและสอบเป็นข้าราชการตุลาการได้สำเร็จ ขณะนี้ยังเป็นผู้พิพากษาอยู่ เมื่อ๒ปีที่แล้วเป็นครั้งแรกที่ข้าพเจ้าโทรไปคุยด้วย ก็ให้ความเคารพอ่อนน้อมถ่อมตนกับข้าพเจ้าเหมือนเดิม 
      
      
         จากเรื่องจริงที่ข้าพเจ้าเล่ามาแล้ว ทั้งหมดนี้ พอสรุปเป็นอุทธาหรณ์ได้ว่า                              ๑ ใครที่เป็นผู้มีพระคุณ แม้ไม่ได้คิดจะตอบแทนพระคุณ ก็อย่าไปเนรคุณ เพราะกรรมจะส่งผลให้ได้รับกรรมที่ทำนั้น         
        ๒ กรรมอาจส่งผลบางส่วนในชาตินี้ หรือส่งผลในชาติต่อไป เช่นข้าพเจ้าขณะที่มีชีวิตอยู่เมืองไทยแม้ไม่ค่อยจะทำ"บุญ "(เคยทำบัางโดยไม่รู้ตัว ซึ่งจะเล่าในตอนต่อๆไป)แต่"บุญ"เก่าก็ตามมาส่งผล ให้รู้จักอาชีพพิเศษ จนมีฐานะดีพอสมควรในชาตินี้ ทั้งยังทำให้ข้าพเจ้าเจริญรุ่งเรือง ในอาชีพรับราชการอีกด้วย                          
      ๓ จากข้อ๒ ทำให้ข้าพเจ้าเข้าใจได้เลยว่าหากทำกรรมไม่ดี ในชาติปางก่อน "บาป"หรืออกุศลก็ส่งผลในชาตินี้ได้เช่นกัน ข้อนี้จึงอธิบายความได้ว่าใครที่ทำกรรมชั่วในชาตินี้แม้"บาป"ยังไม่ส่งผลในชาตินี้ "บาป"ย่อมตามส่งผลในชาติต่อไปอย่างแน่นอน ดังนั้นคำกล่าวที่ว่า"ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป"จึงใช้ไม่ได้หรือไร้เหตุผล เพราะบุคคลที่ทำชั่วในชาตินี้เคยทำความดีมาในชาติก่อน "บุญ"ยังตามรักษาส่งผลอยู่ หากหมด"บุญ"เมื่อใด บาปจะได้ช่องส่งผลแก่ผู้ทำกรรมชั่วให้ได้รับความทุกข์ทันที จะทุกข์มากหรือทุกน้อย ก็สุดแท้แต่กรรมชั่วที่ทำไว้ "ปลูกถั่ว ย่อมได้ถั่ว ปลูกแตง ย่อมได้แตง"เพียงแต่ต้องรอเวลาการเจริญเติบโตของถั่วหรึอเเตงเท่านั้น ดังนั้น เราจึงไม่ควรประมาทในการดำเนินชีวิต               
     ๔ ข้าพเจ้าจึงศรัทธาในพระธรรมคำสั่สอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในเรื่องของหลักการดำเนินชีวิต ที่ว่า"๔.๑ละการกระทำความชั่วทั้งปวง ๔.๒ทำแต่ความดี ๔.๓กลั่นใจให้สะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใส"
           

      ในคราวต่อไปข้าพเจ้าจะเล่าถึงอานุภาพของ"บุญ" ที่ข้าพเจ้าและครอบครัวได้รับขณะใช้ชีวิต อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้มาร่วมสร้างบุญสร้างบารมีกับหมู่คณะที่ "วัดพระธรรมกายแตลิฟอร์เนีย"